HACKED BY NXBBSEC

'}}

Refinance บ้าน หรือ Retention บ้าน วิธีไหนเหมาะกับใคร?

Refinance บ้าน หรือ Retention บ้าน วิธีไหนเหมาะกับใคร?

Refinance บ้าน หรือ Retention บ้าน วิธีไหนเหมาะกับใคร? วันนี้สำหรับเจ้าของบ้านที่ยังไม่คุ้นกับศัพท์สองคำข้างต้น กาญวริญจะมาอธิบายรายละเอียดของทั้ง Refinance และ Retention ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และคุณควรเลือกใช้วิธีไหนในการผ่อนบ้านกันถึงจะประหยัดที่สุดค่ะ

เพราะการมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน ถ้าเราเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือยังไม่มีเงินก้อนใหญ่มาซื้อบ้านเงินสดได้ แน่นอนว่าการขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านจากธนาคารคือคำตอบ แต่ก็มาพร้อมกับภาระการผ่อนชำระอันยิ่งใหญ่และยาวนานหลายสิบปี ถึงแม้ว่าธนาคารส่วนใหญ่จะจัดโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 3 ปีแรก แต่เชื่อเถอะว่า 3 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก ลืมตาขึ้นมาอีกที ดอกเบี้ยเปลี่ยนเป็น MRR ลอยตัวสูงทะลุ 5-6% จนน่าใจหาย บางคนผ่อนบ้านจนเพลิน ไม่ทันได้ดูใบเสร็จแต่ละเดือน กว่าจะรู้ตัวว่าที่จ่ายในแต่ละเดือน ดอกเบี้ยธนาคารเอาไปกินหมด เงินต้นแทบไม่ลด เจ็บใจแต่บอกใครไม่ได้เลยทีนี้ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะไม่ให้เกิดซ้ำกับลูกบ้านกาญวริญอย่างแน่นอน คนผ่อนบ้านอย่างเราต้องรีบไหวตัวให้ทัน และหาวิธีเบรกดอกเบี้ยบ้านก่อนจะลอยตัวสูงจนเกินไป ซึ่งวิธีที่เราเคยได้ยินและเป็นที่นิยมกัน คือ การปรับโครงสร้างหนี้ โดยการ Refinance หรือ Retention ซึ่งวิธีไหนเหมาะกับใคร มีความแตกต่างอย่างไร มาดูกัน

Refinance บ้าน หรือ Retention 1

Refinance กับ Retention ต่างกันอย่างไร?

ใครที่อยู่วงการการกู้ซื้อบ้าน แต่ไม่รู้จัก 2 คำนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยปรับอัตราดอกเบี้ยบ้านไม่ให้สูงจนเกินไปหลังจากครบกำหนด 3 ปีของการกู้ธนาคาร ซึ่งความหมายแบบสั้น ๆ ของ Refinance บ้าน กับ Retention บ้าน มีดังนี้

  1. Refinance – ก็คือการที่เราขอสิ้นสุดสัญญาสินเชื่อของธนาคารเดิมแล้วไปทำสัญญาใหม่กับอีกธนาคารหนึ่ง โดยเราจะสามารถเปรียบเทียบข้อเสนอต่าง ๆ ของแต่ละธนาคาร แล้วตัดสินใจเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งการ Refinance บ้านนี้ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากวิธีนี้จะทำให้ผู้กู้ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารเก่า แถมยังทำให้ค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนถูกนำไปหักเงินต้นได้มากขึ้น จึงทำให้ผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้นอีกด้วย วิธีนี้ตามปกติมักทำทุก ๆ 3 ปี
  2. Retention – เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ภาระดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านลดลง โดยจะต่างกับการ Refinance บ้านตรงที่ Retention จะเป็นการยื่นขอปรับอัตรา    ดอกเบี้ยลงกับธนาคารเดิม ข้อดีของการ Retention บ้านก็คือ
    • ไม่ต้องเสียเวลาจัดเตรียมเอกสารอีกรอบ เพราะว่าธนาคารเดิมที่เคยเคยยื่นกู้มีเอกสารต่าง ๆ อยู่แล้ว
    • ค่าธรรมเนียมอาจต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ Refinance (ควรพิจารณาร่วมกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันด้วย เพราะว่าการ Refinance มักจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการ Retention)
    • รู้ผลไวกว่า เพราะธนาคารเดิมมีข้อมูลต่าง ๆ ของผู้กู้เดิมอยู่แล้ว การดำเนินการจึงทำได้รวดเร็ว อาจสามารถรู้ผลได้ภายใน 7 วันทำการเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Refinance บ้าน และ Retention บ้าน คลิก

รับมือกับดอกเบี้ยผ่อนบ้าน ใช้วิธี Refinance หรือ Retention ดีกว่ากัน?

หากจะถามว่าแล้วตกลง Refinance หรือ Retention แบบไหนดีกว่ากัน? คำถามนี้คงไม่มีคำตอบตายตัว แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เราขอแนะนำว่าควรมีการสอบถามกับทางธนาคารหลาย ๆ แห่งก่อนเพื่อเปรียบเทียบว่าวิธีไหนคุ้มค่ากว่ากัน กาญวริญขอแนะนำว่าให้ลองสอบถามเกี่ยวกับการ Retention บ้านกับธนาคารเดิมก่อน เพราะสามารถรู้ผลได้ไวกว่า เมื่อรู้ผลแล้วว่าดอกเบี้ยจากการ Retention บ้านลดลงไปได้เท่าไหร่ ก็ลองสอบถามข้อเสนอในการ Refinance บ้านจากธนาคารอื่น ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบเพื่อเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดในขณะนั้น กาญวริญขอกระซิบสักนิดว่า เมื่อเราได้ข้อมูลเปรียบเทียบทั้งหมดแล้ว ส่วนใหญ่การ Refinance บ้านมักจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการ Retention บ้านซึ่งเราสามารถลองนำข้อเสนอนั้นไปต่อรองกับธนาคารเดิมอีกรอบ อาจจะทำให้เราได้ข้อเสนอ Retention ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับค่าดำเนินการต่าง ๆ ของการ Refinance บ้านวิธีนี้อาจจะคุ้มกว่าก็เป็นได้ค่ะ

พบกับบทความดี ๆ มีสาระเกี่ยวกับบ้านได้ที่: www.kanwarin.co.th/ความรู้เรื่องบ้าน-kwr-living-better/

ข่าวสารอื่นๆ

'}}
BlogsOnline keno: Cellular Enhanced Design A tight conf […]
'}}
692145801733465311